หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน






ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  พระบูชา
  พระเหรียญ
  พระผง
  เครื่องราง
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เส้นทางสู่สันติ "เสียงแห่งสติ" เสียงแห่งพระพุทธองค์

              “สันติภาพที่แท้จริงนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยการเจริญสติ การเจริญสติก็คือ การระลึกรู้อยู่ในปัจจุบันขณะ ในทุกเรื่องที่คิด ทุกกิจที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกอิริยาบถที่เคลื่อนไหว ใครเฝ้าตามดู ตามรู้ ตามเห็นอย่างนี้อยู่เสมอในรูปและในนาม หรือในกายและในจิตของตน คนคนนั้นก็เป็นผู้อยู่ในวงล้อมของสติ และเมื่อเขามีสติ เขาก็มีสันติ"

     
              ในสมัยพุทธกาล เกิดภาวะทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพง น้ำแล้ง ฝนขาด ประชาชนเดือดร้อนกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ในเมื่อฝนแล้ง น้ำขาด แต่คนจำเป็นต้องกินต้องใช้ ทรัพยากรน้อย แต่ความต้องการมาก จึงเกิดปัญหาตามมา
              พระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ล้วนมีอาชีพเกษตรกรรม คือ การทำนา แต่ในภาวะฝนแล้ง น้ำแห้งขาดคราว ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการน้ำ จึงเกิดการแย่งน้ำเข้านา แย่งกันกันไปแย่งกันมา จึงเกิดเป็นความบาดหมาง จากความบาดหมาง กลายเป็นความแค้น และจากความแค้นก่อเป็น “สงครามแย่งน้ำทำนา” พระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่าย จึงจัดทัพช้าง ทัพม้า ทัพรถ ทัพพลเดินเท้า เข้ามาเผชิญหน้ากันอยู่ริมสองฝั่งน้ำ
              ขณะที่สงครามแย่งน้ำกำลังจะเปิดฉากขึ้นมานั่นเอง พระพุทธองค์ก็ทรงทราบเรื่องและเสด็จดำเนินมาประทับท่ามกลางกองทัพของทั้งสองฝ่าย
              ทุกคนเมื่อเห็นพระพุทธองค์เสด็จมา จึงเกิดสติ หยุดยั้งอยู่ในที่ตั้งของตัวเอง รอดูสถานการณ์เฉพาะหน้าว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
              นาทีนั้นพระพุทธองค์จึงตรัสถาม
    “พวกเธอกำลังจะทำอะไร”
    “ทำสงครามแย่งน้ำพระพุทธเจ้าข้า”
    “น้ำกับคน อย่างไหนมีค่ามากกว่ากัน”
    “คนพระพุทธเจ้าข้า”
    “หากคนมีค่ามากกว่าน้ำ ถ้าเช่นนั้นมันคุ้มกันหรือไม่ ที่พวกท่านกำลังจะฆ่าคนเพื่อแย่งน้ำ”
    “ไม่คุ้มพระพุทธเจ้าข้า”
    “ถ้าไม่คุ้มแล้วทำทำไม”
              สิ้นพระสุรเสียงตรัสถาม ทุกอย่างเงียบกริบ มือที่ถืออาวุธค่อยๆ ลดลง พระญาติวงศ์ทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับที่ตั้ง สงครามระหว่างคนสายเลือดเดียวกัน จึงเป็นอันยุติ
    เหตุการณ์ที่ทรงห้ามพระญาติทำสงครามคราวนั้น ศิลปินนำมาปั้นเป็น “พระปางห้ามพระญาติ” ให้เห็นอยู่จนทุกวันนี้
              ศักยภาพที่จะก่อสงครามก็อยู่ที่คน ศักยภาพที่จะหยุดสงครามก็อยู่ที่คน แต่บางครั้งที่คนเข้าสู่สงครามเพราะขาด “สติ”
              พอขาดสติ ก็อาจเผลอเห็นดีเห็นงามไปว่า “ผลประโยชน์” มีค่ามากกว่าคน มากกว่าชีวิตมนุษย์ เดชะบุญที่ในสมัยพุทธกาล มีพระพุทธองค์คอยเป็น “สติของสังคม” แต่ในเมืองไทยในยามนี้ ใครจะเป็น “สติของสังคม”
              ในยามนี้ เมืองไทยไม่มีพระพุทธเจ้าในแง่ที่เป็นบุคคลทางประวัติศาสตร์
              แต่เรามีพระพุทธเจ้าในแง่ที่เป็นเนื้อหาสาระแห่งธรรม
              เพราะเราเป็นเมืองพระ เราเป็นเมืองพุทธ เราเป็นเมืองแห่งสันติ
              “สติ” นั่นแหละคือพระพุทธเจ้า


    • Update : 5/10/2554
    © Copyright 2011 www.watbangwaek.com All rights reserved